ปัจจุบัน ผู้คนพึ่งพาการใช้งาน AI ในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้นจนเป็นเหมือนผู้ช่วยคนสำคัญในชีวิต เราใช้เครื่องมือนี้ในแทบทุกด้านตั้งแต่การค้นหาข้อมูล เขียนข้อความ เขียนบทความ สร้างภาพนิ่ง สร้างวิดีโอ งานออกแบบ รวมถึงการตัดสินใจในงานที่มีความซับซ้อน เราพึ่งพาการคิดและตัดสินใจจาก AI แทนที่จะใช้สมองและหัวใจของตัวเราเอง แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มานั้นจะออกมารวดเร็วทันใจ แต่ก็มีบางสิ่งที่กำลังหายไปทีละเล็กละน้อย นั่นก็คือความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเรา และหัวใจของเราที่มีในผลงานเหล่านั้นเริ่มหายไป
พฤติกรรมการเรียนรู้แบบใหม่ ทำให้สมองเริ่มไม่พัฒนา
การเข้ามาของเครื่องมือ AI ทำให้การค้นหาคำตอบกลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย จากเดิมที่ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือหลายชั่วโมงเพื่อทำความเข้าใจหัวข้อหนึ่ง เดี๋ยวนี้เพียงพิมพ์คำถามลงในช่องแชตอย่าง ChatGPT หรือ Google Gemini ก็ได้รับคำตอบภายในไม่กี่วินาทีแล้ว ปัญหาคือ เมื่อทุกอย่างถูกย่อยและสรุปให้พร้อมใช้งาน สมองของคนเริ่มขาดการฝึกคิดเชื่อมโยง วิเคราะห์ หรือสงสัย ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญต่อการพัฒนาสมอง
ผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่า ผู้คนที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อหาคำตอบอย่างเดียว โดยไม่ผ่านการคิดหรือวิเคราะห์ มักมีแนวโน้มจะจดจำข้อมูลได้ไม่ดี จดจำข้อมูลได้เพียงระยะสั้น และขาดความเข้าใจเชิงลึก เพราะสมองไม่ได้ถูกกระตุ้นให้ประมวลผลด้วยตัวเอง รูปแบบการเรียนรู้จึงกลายเป็นการรับข้อมูลสำเร็จรูป มากกว่าการคิดหาคำตอบที่แท้จริง

เมื่อความคิดสร้างสรรค์ ถูกแทนที่ด้วย AI
ครั้งหนึ่งผู้คนเคยคิดฝันถึงหลายสิ่งมากมาย เมื่อคิดได้แล้วก็พยายามสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นด้วยตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้มีเครื่องมือมาช่วยให้เราคิดน้อยลงแล้ว AI สามารถช่วยต่อยอดความคิดและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทำให้ทุกเรื่องที่เคยยากกลับกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ทว่า บางคนก็ไม่ได้ใช้เครื่องมือนี้เป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น แต่ใช้เป็นเครื่องมือหลักในการคิดทุกสิ่งทุกอย่างแทน โดยไม่ผ่านกระบวนการคิดของตัวเอง
ผลเสียที่ตามมาจากการใช้ AI คิดและสร้างทุกอย่างแทนเรา คือทำให้ความสามารถในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ลดน้อยถอยลง เพราะสมองไม่ได้ถูกกระตุ้นให้เชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับแนวคิดใหม่ ผลงานจำนวนมากที่สร้างขึ้นด้วย AI ก็จะขาดเอกลักษณ์ ขาดความลึกซึ้งทางอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลียนแบบได้
สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ ถ้าไม่ใช้เป็นประจำ ก็จะทำให้สมองเสื่อมลง
สมองของคนเรามีคุณสมบัติคล้ายกล้ามเนื้อ ถ้าไม่ได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง สมองก็จะเสื่อมสภาพลง การปล่อยให้ AI คิดแทนทุกอย่าง จะทำให้ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และการตัดสินใจลดลง เพราะคนจะเริ่มขาดความมั่นใจในความคิดของตัวเอง แล้วหันไปพึ่งพาคำตอบจากระบบอัตโนมัติแทน ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ AI ในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สมองปรับตัวให้รับข้อมูลแบบรวดเร็วและสั้น จนสูญเสียสมาธิในการทำงานที่ต้องใช้เวลาและความละเอียดสูง
ถึงแม้ว่า AI จะกลายเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันของใครหลายคน แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ เรายังคงเป็นผู้กำหนดทิศทางของความคิดและการเรียนรู้ของมัน การปล่อยให้เครื่องมือนี้คิดแทนทุกเรื่องอาจทำให้สะดวกขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะทำให้สังคมขาดความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ส่งผลเสียต่อการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เราจึงควรฝึกฝนวิธีคิดเพื่อพัฒนาสมองของตัวเองอยู่เสมอ แล้วเลือกใช้ AI เป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น ไม่ใช่ใช้มันเพื่อกำหนด “ความคิด” ของเราในอนาคต