โรคอ้วนเป็นภาวะที่พบมากขึ้นในคนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่มักเผชิญปัญหาน้ำหนักเกินจากไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ความเครียด พฤติกรรมการกินเกินความต้องการ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ หลายคนอาจเข้าใจว่าโรคอ้วนเป็นเพียงเรื่องรูปร่าง แต่ในความเป็นจริง ภาวะนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบร่างกาย รวมถึงความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงหลายชนิด จึงควรทำความเข้าใจให้ถูกต้องเพื่อนำไปสู่แนวทางรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสม

โรคอ้วนเกิดจากอะไร
โรคอ้วนไม่ใช่แค่การกินเยอะเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากหลายปัจจัยทำงานร่วมกัน เช่น
- พฤติกรรมการกินผิดสมดุล กินอาหารไขมันสูง หวานจัด อาหารแปรรูป หรือกินเกินพลังงานที่ร่างกายใช้
- ระบบเผาผลาญทำงานลดลง เกิดขึ้นตามอายุ การนอนน้อย ภาวะเครียด และสารฮอร์โมนบางชนิด
- กรรมพันธุ์และยีนที่ถ่ายทอดในครอบครัว ทำให้ร่างกายสะสมไขมันง่ายกว่าคนทั่วไป
- ความผิดปกติของฮอร์โมนและระบบต่อมไร้ท่อ เช่น ภาวะไทรอยด์ต่ำ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือระบบ GLP-1 ที่ควบคุมความหิวทำงานผิดปกติ
- พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เคลื่อนไหวน้อย ใช้เวลาอยู่หน้าจอมากขึ้น นั่งทำงานทั้งวัน ออกกำลังกายน้อย
เมื่อน้ำหนักเพิ่มสะสมต่อเนื่อง ร่างกายจะเริ่มตอบสนองผิดปกติในหลายระบบ จนกลายเป็นโรคอ้วนระดับต่างๆ
ความผิดปกติของร่างกายเมื่อเป็นโรคอ้วน
โรคอ้วนส่งผลให้ระบบภายในหลายส่วนทำงานหนักขึ้น เช่น
- ระบบหัวใจต้องสูบฉีดเลือดมากขึ้น
- ไขมันสะสมรอบอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดการอักเสบภายใน
- ฮอร์โมนควบคุมความหิวอิ่มทำงานผิดปกติ
- ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- เส้นเลือดตีบและมีไขมันคั่งสะสมตามผนังหลอดเลือด
หากปล่อยไว้ยาวนาน ความผิดปกติเล็กๆ จะพัฒนาเป็นโรคร้ายแรงได้

โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาหลังจากเป็นโรคอ้วน
โรคอ้วนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น
- เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากการดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
- ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ไขมันสะสมในเส้นเลือดทำให้หลอดเลือดตีบ การสูบฉีดเลือดทำได้ยากขึ้น
- ไขมันพอกตับ ร่างกายสะสมไขมันในตับมากเกินไปจนเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง
- หยุดหายใจขณะหลับ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากมักมีภาวะนี้ ทำให้คุณภาพการนอนเสียและเกิดอันตรายได้
- ข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย น้ำหนักเกินเพิ่มแรงกดลงข้อเข่าตลอดเวลา
- ความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง เพราะไขมันและน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน
โรคเหล่านี้สามารถป้องกันได้ หากลดน้ำหนักและควบคุมพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม
แนวทางรักษาโรคอ้วนอย่างถูกต้อง
การรักษาโรคอ้วนไม่ใช่เพียงลดน้ำหนักแบบชั่วคราว แต่ต้องแก้ที่ “ต้นเหตุ” เพื่อป้องกันน้ำหนักกลับมาอีก (โยโย่) โดยแนวทางที่นิยมมีดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต
- ลดอาหารทอด น้ำตาล และอาหารแปรรูป
- เลือกกินโปรตีนดี ผักผลไม้ ธัญพืช
- ดื่มน้ำมากขึ้น
- พักผ่อนเพียงพอและจัดการความเครียด
2. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
ไม่จำเป็นต้องหนักหรือเร็ว แต่ควรสม่ำเสมอ เช่น เดิน วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง
3. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุที่แท้จริง
ในบางรายอาจมีสาเหตุจาก
- ฮอร์โมน
- การดื้อต่ออินซูลิน
- ความผิดปกติของระบบ GLP-1
การตรวจสุขภาพช่วยให้เลือกวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด
4. ใช้การรักษาด้วยยากลุ่มใหม่สำหรับโรคอ้วน
ยาฉีดกลุ่ม GLP-1/GIP เช่น ปากกาลดน้ำหนัก Wegovy (Semuglatine) ถูกนำมาใช้ช่วยควบคุมความอยากอาหาร เพิ่มความอิ่ม และปรับระบบเผาผลาญให้ทำงานดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่น้ำหนักเกินมาก ดื้อต่อการลดน้ำหนัก หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว

วิธีป้องกันโรคอ้วนในระยะยาว
- กินอาหารเป็นเวลาและเลือกเมนูที่ให้พลังงานเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ควรลุกเดินระหว่างวัน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อประเมินความเสี่ยงเบาหวาน ไขมันในเลือด และภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- หากควบคุมเองไม่สำเร็จ ควรปรึกษาแพทย์ด้านควบคุมน้ำหนัก
โรคอ้วนเป็นภาวะที่ส่งผลต่อร่างกายหลายระบบและอาจนำไปสู่โรคเรื้อรังที่อันตรายได้ หากปล่อยทิ้งไว้นาน แนวทางที่ดีที่สุดคือการดูแลตนเองแบบองค์รวม ทั้งพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการตรวจสุขภาพ หากพบว่าลดน้ำหนักได้ยากหรือมีปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง การประเมินและวางแผนร่วมกับแพทย์ เพื่อคัดกรองหาโปแกรมการลดน้ำหนักที่เหมาะสมในการควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืนและปลอดภัย
